วันจันทร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2561

True Autistic Thai Center

                                ทีมงาน true young blogger ได้แจ้งว่าเราจะมี ภารกิจ ไปเยี่ยมน้องๆที่ ศูนย์ประสานงานมูลนิธิคุณพุ่ม
 มูลนิธิออทิสติกไทย  เมื่อเอ่ยถึง คุณพุ่ม เจนเซ่น ผมยังจำได้ครับว่า สอนเกี่ยวกับโยคะเป็น clip video สั้นๆ และผมก็ได้นำท่าต่างๆไปใช้ลดอาการปวดหลังซึ่งมีสาเหตุเกิดจากการนั่งทำงานนานๆ คงต้องขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ เอาละมาต่อกันครับ  สิ่งแรกที่ผมคิดในใจ งานนี้ต้องมีผงเข้าตากันบ้าง และสิ่งที่ต้องติดไม้ติดมือไปนี่ คงหนีไม่พ้นทิชชูซักห่อนึง ถ้าไม่พอและไม่ทันก็คงเป็นแขนเสื้อซับเป็นแน่  ด้วยความเป็นผู้ชายอ่อนโยน แข็งแกร่งเฉพาะภายนอกเท่านั้น สิ่งที่ผมรู้มาก็คือว่า ออทิสติกไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เป็นแล้วทั้งชีวิตเชียวครับ  ดังนั้น วิธีที่ทำให้น้องๆ เขาดำรงอยู่ได้ในปัจจุบันและ อนาคตก็คือ การลดพฤติกรรม ต่างๆ ให้มีสภาวะร่างกายและจิตใจให้เป็นปกติได้มากที่สุด ผมรู้มาอีกว่าสิ่งที่ลดอาการเหล่านั้นได้คือ ดนตรีและศิลปะนั่นเอง เมื่อถึงมูลนิธิออทิสติกไทย ศูนย์อบรมเพื่อการทำงาน ผมได้การต้อนรับ เปิดงานด้วยการเล่นดนตรีไทยเต็มวงจากน้องๆ ที่ศูนย์ซึ่งเป็นเด็กพิเศษ ด้วยความพร้อมเพรียงกันเป็นจังหวะจะโคนได้ไพเราะ ฟังไปเพลินๆ เหมือนวงดนตรีไทยทั่วๆไปเลยครับแบบไม่น่าเชื่อ ผมว่าน้องๆและอาจารย์ผู้ฝึกสอนต้องมีความพยายามอย่างสูงในการฝึกปรือให้สามารถเล่นดนตรีอย่างพร้อมเพรียงกันแบบเต็มวงได้ จากนั้น อ.ชูศักดิ์ ประธานมูลนิธิ กล่าวให้การต้อนรับเปิดงาน เสร็จแล้วก็ให้ทีมงานเราเดินชมแผนกต่างๆในศูนย์  หลังจากได้เยี่ยมชมเสร็จสิ้นแล้ว วันนี้ผมมีความประทับใจมี 3 สิ่ง ด้วยกัน


              1. CP และ True มีโครงการดีๆ อย่างโครงการ CSR  สนับสนุนให้พนักงานทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม โครงการนวัตกรรมเป็นการคิดประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆมาใช้ในงาน อันนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต โครงการสนับสนุนอาหารและการสื่อสารให้แก่นักกีฬาไทยในซีเกมส์และอาเซี่ยนพาราเกมส์ 2017 และที่ผมเห็นในวันนี้คือ สนับสนุน ให้เกิดโครงการดีๆอย่าง young blogger  ไม่เฉพาะคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงเท่านั้น แต่เป็นรุ่นไหนก็ได้เป็น blogger ที่มี คุณภาพ คุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล ส่งเสริมความแข็งแกร่งของสังคม social ไปในทางที่ถูกต้องและมีศักยภาพเป็นแบบอย่างของ blogger ในรุ่นต่อๆไป    CP และ True ได้สนับสนุน  ศุนย์ประสานงานมูลนิธิคุณพุ่ม มูลนิธิออทิสติกไทย เพื่อพัฒนาฟื้นฟูเด็กพิเศษ ให้น้องๆที่นี่ได้ใช้ชีวิต ได้มีงานทำเหมือนคนทั่วไป สามารถพัฒนาและพึ่งพาตัวเองได้ในอนาคต นับว่าเป็นสิ่งดีและถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้ก็คือ น้องๆยังเป็นพนักงานของบริษัททรูอีกด้วยครับ



                2.สิ่งที่ผมประทับใจ คือ อาจารย์ชูเกียรติ จันทยานนท์ ประธานมูลนิธิออทิสติกไทย ได้ให้การต้อนรับกับทีมงานพวกเราที่ได้มาเยี่ยมชม และท่านได้แชร์ปณิธาน ความตั้งใจในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กออทิสติกในประเทศไทย  ท่านได้กล่าวประโยคหนึ่งที่ตรงใจผมเป็นแค่ประโยคสั้นๆ แต่ให้ความหมายและความรู้สึกดีเหมือนมีพลังเล็กๆ ท่านได้เล่าว่า ท่านมีบุตรเป็นออทิสติก  ซึ่งอยู่ในมูลนิธิแห่งนี้ด้วย  พอจะสรุปคร่าวๆในแบบฉบับของผมก็คือ ออทิสติกไม่ใช่ปัญหาครับ แต่เราจะเดินจับไปด้วยกันอย่างไรให้ถึงปลายทางขึ้นอยู่กับวิธีคิด สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่ปัญหา ของครอบครัวที่เราอยู่ด้วยกัน แต่มันคือการที่เราจะมีวิธีคิดหาทางแก้ไขสิ่งๆนั้นแบบไหนนั่นเอง และถ้าหาทางแก้ไขไม่ได้ จะสามารถอยู่กับสิ่งนั้นได้อย่างไรให้มีความสุข  นั่นก็คือการให้ ความรัก ความอบอุ่น ดูแล เอาใจใส่ ขณะเดียวกันผม มองว่าหากเราใช้หลักการเดียวกันนี้กับครอบครัว กับญาติสนิทมิตรสหาย กับที่ทำงาน สังคมนี้ก็น่าอยู่ยิ่งขึ้นครับ

                3.สิ่งที่จะกล่าวถึงนี้ประทับใจสุดๆก็ว่าได้ ซึ่งทำให้ผมคิดและมองมุมใหม่ๆในตัวเอง อยู่ที่แผนกคอมพิวเตอร์และงานพิมพ์ ครับ เจ้าหน้าที่ศูนย์แผนกคอมพิวเตอร์ได้แนะนำให้รู้จักน้องที่เป็นเด็กพิเศษ ที่ทำหน้าที่ออกแบบนามบัตร เขามีหน้าที่ออกแบบและพิมพ์นามบัตร โดยการอธิบายรายละเอียดขั้นตอนการทำงาน อย่างคล่องแคล่วว่องไวและรวดเร็วแบบไม่ติดขัดแต่ประการใด และเขาก็ได้เจอโจทย์ที่ทีมงานเราได้ให้ไปคือการพิมพ์นามบัตรใหม่โดยยืนนามบัตรให้ เขารับและยิ้มพร้อมทั้งพูดว่า "นี่มันนามบัตรรุ่นเก่าครับ" แสดงว่าปัจจุบันมีแบบใหม่กว่านี้แล้ว เขาอาสาที่จะทำนามบัตรใหม่อย่างตั้งใจ โดยมีทีมงานเราคอยยืนเป็นกำลังใจ และคอยลุ้นอยู่รอบโต๊ะทำงานน้อง ขณะที่ทุกคนรอลุ้นออกแบบอย่างใจจดจ่อ เจ้าหน้าที่แผนกคอมพิวเตอร์แจ้งว่า น้องสามารถพูดภาษาจีนได้นะ ผมก็เริ่มต้นคำถามภาษาจีนกับน้องทันทีครับ..ขณะที่น้องเค้ากำลังนั่งออกแบบ   ผมถามเป็นภาษาจีนว่า "ทานข้าวรึยังครับสิ้นเสียงผมน้องเค้าตอบมาทันทีเป็นภาษาจีน "ทานตอนเที่ยงแล้วครับ" ผมนี่ออกอาการแบบว่า กรี๊ด!!..สลบสามแถบแบบว่างง เชียวครับ ทีมงานเราที่คอยยืนให้กำลังใจรอบโต๊ะทำงานน้องเค้า ออกอาการเดียวกันครับว่าน้องเค้าฟังและพูดได้ พร้อมกันนี้พี่ที่เป็นเจ้าหน้าที่ศุนย์ได้แจ้งเพิ่มเติมว่า น้องเค้าก็กำลังศึกษาภาษาอังกฤษเพิ่มเติมพร้อมทั้งหยิบหนังสือมาให้ดู ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์อธิบาย ในใจผมก็คิดไปเรื่อยเปื่อยว่า ผมมีหลายอย่างครบ น่าจะทำอะไรให้มีศักยภาพหลายๆด้านได้มากกว่า ที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้  
ผมได้มามองตัวเองใหม่ว่าศักยภาพในการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงานเรามีแค่นี้หรือว่า เราควรทำได้มากกว่านี้อีกมากๆ ถ้าทำได้เราก็ต้องขยัน  และศึกษาหาความรู้ใหม่ๆให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ในขณะที่เรายัง มีกำลัง มีแรง มีความสามารถ




               
        ในมูลนิธิแบ่งเป็นส่วนต่างๆให้ทีมงานเราได้เข้าชมในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะแต่ละส่วนมีดังนี้
               1.True Autistic App. ตรงส่วนนี้จะเป็นการฝึกปรือกล้ามเนื้อมัดเล็ก เพื่อประโยชน์ในการเพิ่มทักษะ ผ่าน Application ที่ได้ลงไว้ใน Smart Phone  และ True Smart Phone ก็มี App เหล่านี้ติดตั้งไว้ในเครื่องด้วย ซึ่งมีครูคอยสอนแนะนำเด็กๆว่าใช้งานอย่างไร   ซึ่ง App. ที่ติดตั้งบน  Smart Phone นั้นมีเนื้อหาที่เด็กๆต้องทำอย่างไรบ้าง ในการใช้ชีวิตประจำวัน เรื่องส่วนตัวให้เกิดการเรียนรู้และนำไปปฏิบัติ ได้แก่ การอาบน้ำ  แปรงฟัน ฟอกสบู่ เป็นต้น





              2.ศิลปะบำบัด เนื่องจากน้องๆ นั้นจะมีสมาธิค่อนข้างสั้น อย่างที่เกริ่นนำไปแล้วข้างต้นครับ ดนตรี และ ศิลปะ ช่วยให้เกิดสมาธิ ลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในเด็กลง โดยการพัฒนาการส่วนนี้เพื่อให้น้องๆมีทักษะ ให้มีใจจดจ่อ ต่อการวาดภาพ การระบายสี น้องๆมีความนิ่งขึ้น  แทบไม่อยากเชื่อครับผลงานหลายๆรูป ที่วางโชว์ในห้องนี้ ศิลปินตัวน้อยของเราได้เป็นผู้บรรจงสร้างสรรค์ลงมือวาดด้วยตัวเองแทบทั้งสิ้น ออกมาตามจินตนาการ ตามนิยาม ศิลปะไม่มีถูกผิดคิดอะไรก็ใส่ไปได้เต็มที่เลย



                3.สร้างอาชีพเสริม คุณค่าชีวิต   ส่วนนี้เป็นส่วนของผู้ปกครองของน้องๆร่วมกันจัดทำผลิตภัณฑ์ขึ้นมาจำหน่าย โดยผลิตภัณฑ์ที่มาจำหน่ายเช่น สบู่ แชมพู น้ำยาล้างจาน  สีสรร แบบต่างๆ ที่ เป็นธรรมชาติปราศจากสารเคมี นอกจากนั้นก็มีขนมไทยๆอย่าง ขนม ลูกชุบนี่หละครับ ปั้นเป็นผลไม้จิ๋วๆ สีสันน่ารักและอร่อยด้วยครับ ใครผ่านไป ก็แวะมาอุดหนุนกันได้ครับ


                4.True Coffee  ผมแปลกใจมากๆครับเมื่อเห็นร้าน true coffee  เปิดให้บริการที่นี่  เนื่องจากการเปิดให้บริการจำเป็นต้องมีผู้ดูแล จัดการเรื่อง stock สินค้า จัดการเรื่องการชงเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟ   เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยากกันเลยทีเดียว  มีขั้นตอนรายละเอียดหลายลำดับ และที่สำคัญมีน้องๆที่นี่ เป็นผู้ทำเครื่องดื่มต่างๆพร้อมเสิร์ฟ อีกด้วย เหมือน true coffee สาขาอื่นทั่วๆไป  ส่วนเมนูก็มีหลากหลายให้เลือกตามป้าย  ผมก็ได้สั่ง ไอซ์ คาเฟ่ ม๊อคค่า มาดูซิว่ารสชาติ เป็นยังไงบ้าง  ดื่มแล้วรสชาติก็เหมือนกับ สาขาอื่นๆครับ ที่สำคัญน้องๆที่ true coffee ยังเป็นพนักงาน true อีกด้วยครับ ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี ที่ได้ให้การสนับสนุน ในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับน้องๆ และที่น่ายินดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ มีน้องๆที่สาขานี้ได้ไป ประจำที่ true coffee สาขาศาลายา เป็นที่เรียบร้อยโดยใช้ชีวิตปกติเหมือนบุคคลทั่วไปอีกด้วย


5. Art to Product ในห้องนี้ จะเป็นการออกแบบ ลวดลายน่ารักๆ เป็นรูปต่างๆแล้วเติมสีสันให้มีชีวิตชีวา อย่างเช่นลายการ์ตูน สัตว์รูปต่างๆ จากน้องๆเด็กพิเศษ และเจ้าหน้าที่ศูนย์  ต้นแบบที่สร้างขึ้นจะนำไปพิมพ์ เพ้นท์ ลงบนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เตรียมเอาไว้ เช่น ถุงผ้า กระดาษโน้ต เสื้อ หมวก ขวดน้ำ แก้วน้ำ  ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นที่นี่ ได้ไปจำหน่ายยังร้าน true coffee อีกด้วย ที่เห็นเด่นชัดก็เป็นแก้วกาแฟ นี่หละครับ จะมี logo ของศูนย์ บนแก้วด้วยครับ แวะไปอุดหนุน  ไปสนับสนุนน้องๆ เค้าได้นะครับ



6.คอมพิวเตอร์และงานพิมพ์ มาถึงแผนกที่เป็นจุดพีคของผมเลยทีเดียวที่ผมเกริ่นนำตั้งแต่เริ่มต้น น้องๆแผนกนี้ทำอะไรกันบ้างครับมาดูกัน ส่วนนี้ก็เป็นการออกแบบ และพิมพ์งานครับ  เช่น ปฏิทิน นามบัตร และงานพิมพ์ ต่างๆที่สั่งทำตาม ออร์เดอร์ครับ และน้องๆเค้าก็ตั้งใจทำ ผลงานออกมาแบบมีอาชีพเลยครับ แถมยังมีโชว์ผลงานให้เราเห็นกันสดๆด้วย  ที่สำคัญน้องๆ ยังออกแบบให้กับผู้บริหารระดับสูงของ true ไปใช้งานกันด้วยครับ น้องๆยังเป็นพนักงานทรูด้วยครับ




หลังจากได้เยี่ยมชมมูลนิธิออทิสติกไทย ศูนย์ฝึกอบรมอาชีพ เสร็จสิ้นลง เปิดดูในกระเป๋าจำนวนทิชชูยังอยู่ครบทุกแผ่นครับไม่ได้ใช้สักชิ้นเดียว ผิดคาดครับ สิ่งที่ได้มากลับเป็นเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และ ความสดใส ของน้องๆ ผมได้ข้อคิด ได้ข้อเตือนสติ เตือนใจ มาเยอะเชียวแค่เฉพาะเวลาหลังเที่ยงวันไม่นาน  ขอบคุณทีมงาน  true young blogger ที่เปิดประสบการณ์ใหม่ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย บริษัทรวมถึงผู้บริหารระดับสูงให้ความสำคัญต่อส่วนเล็กๆส่วนหนึ่งของสังคมแต่ดูแล้วรู้สึกยิ่งใหญ่ และรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น ความตั้งใจ ให้โอกาสที่จะร่วมกันทำให้ครอบครัว สังคมน่าอยู่ยิ่งขึ้น ผ่านการสนับสนุนทางมูลนิธิ  ออทิสติกไม่ใช่ปัญหาครับ แต่เราจะเดินจับไปด้วยกันให้ถึงปลายทาง ขึ้นอยู่กับวิธีคิด สุดท้ายครับ เรามีศักยภาพที่ดีพอแล้วหรือในการใช้ชีวิตในปัจจุบันหรือเราสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เก่งกว่านี้ได้หรือไม่ หากยังไม่ดีพอก็ต้อง ศึกษาหาความรู้ ใหม่ๆเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา จริงมั้ย ถามใจอังกูรดู
หากท่านใดมีความประสงค์จะสนันสนุน สินค้าและบริการต่างๆที่มูลนิธิ สามารถแจ้งความประสงค์ที่ มูลนิธิออทิสติกไทย 11 หมู่12 ถนน วัดแก้ว- พุทธมณสาย1 ซอยบางพรม29 เขตตลิ่งชัน กทม.10170  tel 0922893945,0994545395, fax 024183399

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น