ทีมงาน True
Young Blogger ได้แจ้งกับผมว่า
เรามีภารกิจไปเยี่ยมน้องๆ
ที่ศูนย์ประสานงานมูลนิธิคุณพุ่ม
มูลนิธิออทิสติกไทย เมื่อเอ่ยถึง
คุณพุ่ม เจนเซ่น
ผมยังจำได้ครับว่าสอนเกี่ยวกับโยคะเป็น clip
video สั้นๆ
และผมก็ได้นำท่าต่างๆ
ไปใช้ลดอาการปวดหลัง
ซึ่งมีสาเหตุเกิดจากการนั่งทำงานนานๆ
และมันก็ได้ผลจริงๆ คงต้องขอบคุณมา
ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
ผมดีใจมากที่จะได้ไปเยี่ยมชมมูลนิธิคุณพุ่ม
มูลนิธิออทิสติกไทย
สิ่งแรกที่ผมคิดในใจ
งานนี้ต้องมีผงเข้าตากันบ้าง
และสิ่งที่ต้องติดไม้ติดมือไปนี่
คงหนีไม่พ้นทิชชูซักห่อนึง
ถ้าไม่พอและไม่ทันก็คงเป็นแขนเสื้อซับเป็นแน่
ด้วยความเป็นผู้ชายอ่อนโยน
แข็งแกร่งเฉพาะภายนอกเท่านั้น
สิ่งที่ผมรู้มาก็คือว่า
ออทิสติกไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
ถ้าเป็นแล้ว ก็เป็นทั้งชีวิตเชียวครับ
ดังนั้น วิธีที่ทำให้น้องๆ
เขาดำรงอยู่ได้ในปัจจุบันและอนาคตก็คือ
การลดพฤติกรรมต่างๆ
ให้มีสภาวะร่างกายและจิตใจให้เป็นปกติให้ได้มากที่สุด
ผมรู้มาอีกว่าสิ่งที่ลดอาการเหล่านั้นได้คือ
ดนตรีและศิลปะนั่นเอง
เมื่อถึงมูลนิธิออทิสติกไทย
ศูนย์อบรมเพื่อการทำงาน
ผมได้การต้อนรับเปิดงานด้วยการเล่นดนตรีไทยเต็มวงจากน้องๆ
ที่ศูนย์
ซึ่งเป็นเด็กพิเศษด้วยความพร้อมเพรียงกันเป็นจังหวะจะโคนได้ไพเราะ
ฟังไปเพลินๆ เหมือนวงดนตรีไทยทั่วๆ
แบบไม่น่าเชื่อเลยครับ
ผมว่าน้องๆ
และอาจารย์ผู้ฝึกสอนต้องมีความพยายามอย่างสูง
ในการฝึกปรือให้สามารถเล่นดนตรีอย่างพร้อมเพรียงกันแบบเต็มวงได้
จากนั้น อาจารย์ชูศักดิ์
ประธานมูลนิธิ กล่าวให้การต้อนรับเปิดงาน
เสร็จแล้วก็ให้ทีมงานเราเดินชมแผนกต่างๆ
ในศูนย์ หลังจากได้เยี่ยมชมเสร็จสิ้นแล้ว
วันนี้ผมมีความประทับใจที่อยากจะนำเสนอ
ซึ่งมีอยู่ 3 สิ่งด้วยกัน
นั่นก็คือ
1. CP และ True มีโครงการดีๆ อย่างโครงการ CSR สนับสนุนให้พนักงานทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม โครงการนวัตกรรมเป็นการคิดประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ มาใช้ในงาน อันนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต โครงการสนับสนุนอาหารและการสื่อสารให้แก่นักกีฬาไทยในซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ 2017 และที่ผมเห็นในวันนี้คือ สนับสนุนให้เกิดโครงการดีๆ อย่าง Young Bloggerไม่เฉพาะคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงเท่านั้น แต่เป็นรุ่นไหนก็ได้เป็น blogger ที่มี คุณภาพ คุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล ส่งเสริมความแข็งแกร่งของสังคม social ไปในทางที่ถูกต้องและมีศักยภาพเป็นแบบอย่างของ blogger ในรุ่นต่อๆ ไป CP และ True ได้สนับสนุนศูนย์ประสานงานมูลนิธิคุณพุ่ม มูลนิธิออทิสติกไทย เพื่อพัฒนาฟื้นฟูเด็กพิเศษ ให้น้องๆ ที่นี่ได้ใช้ชีวิต ได้มีงานทำเหมือนคนทั่วไป สามารถพัฒนาและพึ่งพาตัวเองได้ในอนาคต นับว่าเป็นสิ่งดีและถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้ก็คือ น้องๆ ยังเป็นพนักงานของบริษัททรูอีกด้วยครับ
2. สิ่งที่ผมประทับใจ คือ อาจารย์ชูเกียรติ จันทยานนท์ ประธานมูลนิธิออทิสติกไทย ได้ให้การต้อนรับกับทีมงานพวกเราที่ได้มาเยี่ยมชม และท่านได้แชร์ปณิธาน ความตั้งใจในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กออทิสติกในประเทศไทย ท่านได้กล่าวประโยคหนึ่งที่ตรงใจผม ถึงจะเป็นแค่ประโยคสั้นๆ แต่ได้ให้ความหมายและความรู้สึกดีเหมือนมีพลังเล็กๆ ท่านได้เล่าว่า ท่านมีบุตรเป็นออทิสติก ซึ่งอยู่ในมูลนิธิแห่งนี้ด้วย พอจะสรุปคร่าวๆ ในแบบฉบับของผมก็คือ “ออทิสติกไม่ใช่ปัญหาครับ แต่เราจะเดินจับมือไปด้วยกันอย่างไรให้ถึงปลายทาง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับวิธีคิด” สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่ปัญหาของครอบครัวที่เราอยู่ด้วยกัน แต่มันคือการที่เราจะมีวิธีคิดหาทางแก้ไขสิ่งๆ นั้นแบบไหนนั่นเอง และถ้าหาทางแก้ไขไม่ได้ จะสามารถอยู่กับสิ่งนั้นได้อย่างไรให้มีความสุข นั่นก็คือการให้ความรัก ความอบอุ่น ดูแล เอาใจใส่ ขณะเดียวกัน ผมมองว่าหากเราใช้หลักการเดียวกันนี้กับครอบครัว กับญาติสนิทมิตรสหาย กับที่ทำงาน สังคมนี้ก็น่าอยู่ยิ่งขึ้นครับ
3. สิ่งที่จะกล่าวถึงนี้
ประทับใจสุดๆ ก็ว่าได้
ซึ่งทำให้ผมคิดและมองมุมใหม่ๆ
ในตัวเอง ณ
ตอนนี้ผมได้อยู่ที่แผนกคอมพิวเตอร์และงานพิมพ์
เจ้าหน้าที่ศูนย์แผนกคอมพิวเตอร์ได้แนะนำให้รู้จักน้องที่เป็นเด็กพิเศษ
ที่ทำหน้าที่ออกแบบนามบัตร
เขามีหน้าที่ออกแบบและพิมพ์นามบัตร
โดยเขาได้อธิบายรายละเอียด
ขั้นตอนของการทำงานได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวและรวดเร็วแบบไม่ติดขัดแต่ประการใด
และเขาก็ได้เจอโจทย์ที่ทีมงานเราได้ให้ไปคือ
การพิมพ์นามบัตรใหม่
โดยยื่นนามบัตรให้เขา
เขารับและยิ้มพร้อมทั้งพูดขึ้นว่า "นี่มันนามบัตรรุ่นเก่าครับ" แสดงว่าปัจจุบันมีแบบใหม่กว่านี้แล้ว
เขาอาสาที่จะทำนามบัตรใหม่อย่างตั้งใจ
โดยมีทีมงานเราคอยยืนเป็นกำลังใจ
และคอยลุ้นอยู่รอบโต๊ะทำงานของน้องเขา
ขณะที่ทุกคนรอลุ้นกับการออกแบบอย่างใจจดจ่อ
เจ้าหน้าที่แผนกคอมพิวเตอร์แจ้งว่า
น้องสามารถพูดภาษาจีนได้นะ
ผมก็เริ่มต้นคำถามภาษาจีนกับน้องทันทีครับ .… ขณะที่น้องเขากำลังนั่งออกแบบ
ผมถามเป็นภาษาจีนว่า "ทานข้าวหรือยังครับ" สิ้นเสียงผม
น้องเขาก็ตอบเป็นภาษาจีนมาทันทีว่า "ทานตอนเที่ยงแล้วครับ" ผมนี่ออกอาการงง
ปนกับอาการดีใจ
ที่น้องมีความสามารถหลายด้านได้ดีทีเดียวครับ
ทีมงานเราที่คอยยืนให้กำลังใจรอบโต๊ะทำงานของน้อง
เขาบอกเป็นเสียงเดียวกันครับว่า
น้องเขาฟังและพูดได้
พร้อมกันนี้พี่ที่เป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์ได้แจ้งเพิ่มเติมว่า
น้องเขาก็กำลังศึกษาภาษาอังกฤษเพิ่มเติม
พร้อมทั้งหยิบหนังสือมาให้ดู
ขณะที่เจ้าหน้าที่ศูนย์อธิบาย
ในใจผมก็คิดไปเรื่อยเปื่อยว่า
ผมมีหลายอย่างครบ
น่าจะทำอะไรให้มีศักยภาพหลายๆ
ด้านได้มากกว่าที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้
ผมได้มามองตัวเองใหม่ว่าศักยภาพในการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงานเรามีแค่นี้
หรือว่าเราควรทำได้มากกว่านี้อีกมากๆ
ถ้าทำได้เราก็ต้องขยัน
และศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ
ให้มากกว่าที่เป็นอยู่
ในขณะที่เรายังมีกำลัง มีแรง
และมีความสามารถ
ในมูลนิธิได้มีการแบ่งเป็นส่วนต่างๆ
ให้ทางทีมงานของเราได้เข้าชมสำหรับการการเรียนรู้และพัฒนาทักษะ มีดังนี้
1.
True Autistic App.ตรงส่วนนี้จะเป็นการฝึกปรือกล้ามเนื้อมัดเล็ก
เพื่อประโยชน์ในการเพิ่มทักษะ
ผ่าน Application ที่ได้ลงไว้ใน Smart
Phone และ True
Smart Phone ก็มี App เหล่านี้ติดตั้งไว้ในเครื่องด้วย
ซึ่งมีครูคอยสอนแนะนำเด็กๆ
ว่าใช้งานอย่างไร
ซึ่ง App ที่ติดตั้งบน Smart
Phone นั้น
มีเนื้อหาในการใช้ชีวิตประจำวันของ
เด็กๆ ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
ซึ่งทำให้เกิดการเรียนรู้และนำไปปฏิบัติได้จริง
ได้แก่ การอาบน้ำ แปรงฟัน
ฟอกสบู่ ฯลฯ เป็นต้น
2. ศิลปะบำบัด เนื่องจากน้องๆ
นั้นจะมีสมาธิค่อนข้างสั้น
อย่างที่เกริ่นนำไปแล้วข้างต้นครับ
ดนตรี และ ศิลปะ ช่วยให้เกิดสมาธิ
ลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในเด็กลง
โดยการพัฒนาส่วนนี้เพื่อให้น้องๆ
มีทักษะ ให้มีใจจดจ่อ
ต่อการวาดภาพ การระบายสี
น้องๆ มีความนิ่งขึ้น
แทบไม่อยากเชื่อครับ ผลงานหลายๆ
รูปที่วางโชว์ในห้องนี้
ศิลปินตัวน้อยของเราได้เป็นผู้บรรจงสร้างสรรค์
ลงมือวาดด้วยตัวเองแทบทั้งสิ้น
ออกมาตามจินตนาการ ตามนิยาม
ศิลปะไม่มีถูกผิด
คิดอะไรก็ใส่ไปได้เต็มที่เลย
3. สร้างอาชีพเสริม
คุณค่าชีวิต ส่วนนี้เป็นส่วนของผู้ปกครองของน้องๆ
ร่วมกันจัดทำผลิตภัณฑ์ขึ้นมาจำหน่าย
โดยผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายก็มีดังนี้
เช่น สบู่ แชมพู น้ำยาล้างจาน
สีสันแบบต่างๆ ที่เป็นธรรมชาติปราศจากสารเคมี
นอกจากนั้นก็มีขนมไทยๆ อย่าง
ขนมลูกชุบนี่แหละครับ
ที่ปั้นเป็นผลไม้จิ๋วๆ
สีสันน่ารักๆ และอร่อยด้วยครับ
ใครผ่านไปก็แวะมาอุดหนุนกันได้ครับ
4.
True Coffee ผมแปลกใจมากๆ
ครับ เมื่อเห็นร้าน true
coffeeเปิดให้บริการที่นี่
เนื่องจากการเปิดให้บริการจำเป็นต้องมีผู้ดูแล
จัดการเรื่อง stock สินค้า
จัดการเรื่องการชงเครื่องดื่มพร้อมเสิร์ฟ
เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยากกันเลยทีเดียว
มีขั้นตอนรายละเอียดหลายลำดับ
และที่สำคัญมีน้องๆ ที่นี่
เป็นผู้ทำเครื่องดื่มต่างๆ
พร้อมเสิร์ฟเองอีกด้วย
เหมือน true
coffee สาขาอื่นทั่วๆ
ไป ส่วนเมนูก็มีหลากหลายให้เลือกตามป้าย
ผมก็ได้สั่ง ไอซ์ คาเฟ มอคค่า
มาดูซิว่ารสชาติ จะเป็นยังไงกันบ้าง
เมื่อผมได้ชิมแล้ว
รสชาติก็เหมือนกับสาขาอื่นๆ
ครับ ที่สำคัญน้องๆ ที่ true
coffee ยังเป็นพนักงาน true อีกด้วย
ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ได้ให้การสนับสนุน
ในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับน้องๆ
และที่น่ายินดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ
มีน้องๆ ที่สาขานี้ได้ไป
ประจำที่ true
coffee สาขาศาลายา
เป็นที่เรียบร้อย
โดยใช้ชีวิตปกติเหมือนบุคคลทั่วไปอีกด้วยครับ
5. Art to Pro ในห้องนี้ จะเป็นการออกแบบ ลวดลายน่ารักๆ เป็นรูปต่างๆ แล้วเติมสีสันให้มีชีวิตชีวา อย่างเช่น ลายการ์ตูน สัตว์รูปต่างๆ จากน้องๆ เด็กพิเศษ และทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ ได้นำต้นแบบที่สร้างขึ้นนำไปพิมพ์ เพ้นท์ ลงบนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ได้เตรียมเอาไว้ เช่น ถุงผ้า กระดาษโน๊ต เสื้อ หมวก ขวดน้ำ แก้วน้ำ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นที่นี่ ได้นำไปจำหน่ายยังร้าน true coffee อีกด้วย ที่เห็นเด่นชัดก็เป็นแก้วกาแฟนี่แหละครับ จะมี logo ของศูนย์ บนแก้วด้วย ถ้ามีเวลาว่าง ก็แวะไปอุดหนุน ไปสนับสนุนน้องๆ เขาได้นะครับ
6. คอมพิวเตอร์และงานพิมพ์ มาถึงแผนกที่เป็นจุดพีคของผมเลยทีเดียว ส่วนนี้ก็เป็นการออกแบบ และพิมพ์งานครับ เช่น ปฏิทิน นามบัตร และงานพิมพ์ ต่างๆ ที่สั่งทำตาม orderครับ และน้องๆ เขาก็ตั้งใจทำ ผลงานที่ออกมาอย่างกับแบบมีอาชีพกันเลยทีเดียว แถมยังมีโชว์ผลงานให้เราเห็นกันสดๆ ด้วย ที่สำคัญน้องๆ ยังออกแบบให้กับผู้บริหารระดับสูงของ true ไปใช้งานกันอีกด้วยครับ และที่น่ายินดีสำหรับผมก็คือ น้องๆ ยังเป็นพนักงานทรูด้วยครับ
หลังจากได้เยี่ยมชมมูลนิธิออทิสติกไทย
ศูนย์ฝึกอบรมอาชีพ เสร็จสิ้นลง
เปิดดูในกระเป๋าจำนวนทิชชูยังอยู่ครบทุกแผ่นครับ
ไม่ได้ใช้สักชิ้นเดียว
ผิดคาดมากครับ
แค่เฉพาะเวลาหลังเที่ยงวันไม่นาน
กลับมายังได้ข้อคิด ได้ข้อเตือนสติ
เตือนใจ มาเยอะเชียว
ต้องขอบคุณทีมงาน true
young blogger ที่เปิดประสบการณ์ใหม่ที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย
รวมถึงผู้บริหารระดับสูงให้ความสำคัญต่อส่วนเล็กๆ
ส่วนหนึ่งของสังคมแต่ดูแล้วรู้สึกยิ่งใหญ่
และรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น
ความตั้งใจ ให้โอกาสที่จะร่วมกันทำให้ครอบครัว
สังคมน่าอยู่ยิ่งขึ้น
ผ่านการสนับสนุนทางมูลนิธิ “ออทิสติกไม่ใช่ปัญหาครับ
แต่เราจะเดินจับมือไปด้วยกันอย่างไรให้ถึงปลายทาง
ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับวิธีคิด”
สุดท้ายครับ เรามีศักยภาพที่ดีพอแล้วหรือในการใช้ชีวิตในปัจจุบัน หรือเราสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ เก่งกว่านี้ได้หรือไม่ หากยังไม่ดีพอก็ต้องศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นสมองของเราได้ดีอีกด้วยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น